นักการตลาดและนักธุรกิจส่วนใหญ่มักรู้วิธีการทำ SEO และ traffic เป็นอย่างดี แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่รู้ลึกและช่วยเพิ่ม traffic ให้กับเว็บไซต์ได้มากกว่านักการตลาดเสียอีก ซึ่งสิ่งๆ นั้นก็คือ “ผู้พัฒนา”
ผู้พัฒนาสามารถสร้าง traffic ให้เว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น โดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อมูลในเว็บไซต์ของคุณสักอย่างเดียว เพื่อให้คุณเห็นภาพชัดเจน เราขอยกตัวอย่างจากกรณีของ Neil Patel นักการตลาดและผู้เชี่ยวชาญเทคนิค SEO ชื่อดัง ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการใช้ผู้พัฒนามาเป็นตัวช่วยเพื่อเพิ่ม trafficโดยเฉพาะ
Neil Patel เป็นเจ้าของบริษัท NPDigital ซึ่งเป็นเอเจนซี่เกี่ยวกับโฆษณา เมื่อเป็นบริษัทเอเจนซี่ Neil ก็ต้องการให้มีบริษัทใหญ่มาใช้บริการของเขา แต่ถึงอย่างนั้น Neil ก็ยอมรับว่าถึงแม้เขาจะเพิ่ม traffic ให้กับลูกค้าได้มากแค่ไหน ผู้พัฒนานั้นก็ยังสามารถทำได้ดีมากกว่าเขาเสียอีก
โดย Neil ได้ใช้ผลงานที่ผ่านมาเป็นตัวช่วยในการอธิบายดังนี้
การเพิ่มขึ้นของ trafiic ของ Neil
Neil มักจะแสดงยอดผู้เข้าชมของตัวเองลงในเว็บไซต์ เพื่อให้ลูกค้าและผู้เข้าชมเว็บของเขาได้เห็นการพัฒนาของบริษัท ผู้คนจึงรู้อยู่แล้วว่า traffic ของ Neil นั้นไม่ธรรมดาเลย โดย Neil ยังได้ออกมาแสดงยอด traffic ล่าสุดของเขาตามรูปภาพด้านล่างนี้
ภายใน 31 วัน เว็บไซต์ของ Neil มียอดผู้เข้าชม (Unique Visitor) กว่า 1,864,246 ครั้ง และมียอดการเปิดดูหน้าเพจ (Pageview) รวม 4,764,739 ครั้งด้วยกัน
แม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่ Neil ก็ยังทำ traffic ได้แค่ 25.1% โดยมาจากผู้เข้าชมเว็บรายเดิม คราวนี้เราลองย้อนไปดูยอด traffic ของ Neil เมื่อต้นปีกันบ้าง
ยอดผู้เข้าชมเมื่อตอนต้นปีในเว็บไซต์ของ Neil มีแค่ 808,747 ครั้งเท่านั้น แล้วเขาทำยังไงถึงเพิ่มยอดวิวให้กลายเป็น 1,864,246 ครั้งได้ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี?
Neil เผยว่าที่เขาเพิ่มยอดวิวได้มากขนาดนี้ เป็นเพราะเขาลงทุนให้กับ KISSmetrics ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ตลาด E-commerce และยังช่วยให้ traffic ในเว็บไซต์ของเขาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังเพิ่มยอดวิวในเว็บไซต์กว่า 510,442 ครั้งต่อเดือนอีกด้วย
แต่นี่ก็ยังไม่ใช่เทคนิคเพิ่ม traffic ฉบับผู้พัฒนาอย่างที่เราเกริ่นไว้ เพราะของจริงคือข้อมูลหลังจากนี้ต่างหากล่ะ และสิ่งที่ช่วยเพิ่ม traffi ได้มากกว่า KISSmetrics ก็คือ Ubersuggest
เครื่องมือต่างๆ เพิ่ม traffic ได้มากแค่ไหน?
Neil ตัดสินใจซื้อ Ubersuggest ในปี 2007 และติดตั้งเครื่องมือนี้ลงในเว็บไซต์ NeilPatel.com ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 หลังจากที่เขาตัดสินใจติดตั้ง Ubersugget เข้ากับเว็บไซต์ สิ่งต่อไปนี้ก็เกิดขึ้น
ยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์ของ Neil เพิ่มขึ้นจาก 808,747 ครั้งเป็นมากกว่า 1,176,243 ครั้ง ภายในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม
ในตอนนั้น Ubersuggest มีลักษณะเครื่องมือตามรูปด้านล่างนี้
ขาวๆ โล่งๆ แบบนี้
Neil ซื้อเครื่องมือนี้มาในราคา 120,000 ดอลลาร์ โดยเสีย 15,000 ดอลลาร์ให้กับการพัฒนา การสร้างโค้ด การเพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ และเป็นค่าติดตั้งลงในเว็บไซต์ NeilPatel.com
นอกจากนี้ เขายังต้องจ่ายค่า API หรือส่วนต่อโปรแกรมประยุกต์อีกราวๆ 2,000 ดอลลาร์ต่อเดือน
และนี่คือรายจ่ายที่ Neil จ่ายให้ Ubersuggest 1.0 เรียกได้ว่ามหาศาล
แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องจ่ายเงินให้กับเครื่องมือใดๆ อีกแล้ว เพราะ Neil สามารถรวม Ubersuggest เข้ากับเว็บไซต์ได้ด้วยตัวเองผ่านทาง SEO Analyzer ซึ่งเป็นเครื่องมือที่เขาสร้างขึ้นมาเอง
ค่าใช้จ่ายแรกเริ่มสำหรับ SEO Analyzer อยู่ที่ 30,000 ดอลลาร์ แล้วจึงจ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่มากขึ้น
จากกราฟคุณคงเห็นว่า SEO Analyzer ช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าชมได้ 435.115 ครั้ง โดยผู้เข้าชมเหล่านี้ยังช่วยเพิ่มยอดดูหน้าเพจถึง 3,143,220 ครั้งอีกด้วย
โดยส่วนที่น่าประทับใจที่สุดใน SEO Analyzer คือ เป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย และ Neil ต้องจ่ายเพียง 1,173 ดอลลาร์ต่อเดือนเท่านั้น Neil ยังสรุปอีกว่า การใช้เครื่องมือช่วยทำให้เขาได้ traffic ที่แน่นอน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการอัปเดตอัลกอริทึมของ Google
การเพิ่ม traffic โดยสร้างเครื่องมือนั้นยากแค่ไหน?
คุณอาจจะสงสัยว่าการสร้างเครื่องมือเพื่อช่วยเพิ่ม traffic นั้นทำได้ยากหรือไม่ แล้วใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะเห็นผล เพราะคุณกลัวว่าถ้าจ้างนักพัฒนา เครื่องมือของคุณก็อาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากพอ
เราไม่ได้ต้องการจะทำร้ายจิตใจของคุณ แต่เครื่องมือของคุณจะยังไม่เป็นที่รู้จักอย่างง่ายดายแน่นอน
แต่อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาในการสร้างเครื่องมือแบบนี้ ถ้าคุณสร้างมันอย่างถูกต้องและเหมาะสม ไม่นานเครื่องมือนั้นก็จะค่อยๆ เป็นที่รู้จักขึ้นมาเอง
ถ้าคุณอยากได้คำตอบให้กับคำถามข้างบน สิ่งที่คุณควรทำก็คือ สร้างเว็บไซต์ขึ้นมาสักหนึ่งหรือสองเว็บไซต์แล้วอดทนรอ หากคุณทำให้คนอื่นๆ พูดถึงเครื่องมือของคุณในเว็บไซต์ต่างๆ ได้ โอกาสในการเป็นที่รู้จักก็จะมีมากขึ้น
ลองดูตัวอย่างจาก Ubersuggest ก็ได้ แม้ว่า Neil จะไม่ได้เข้าไปทำอะไรเกี่ยวการตลาดในเครื่องมือนี้กว่าหนึ่งเดือน แต่การเป็นที่รู้จักก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Neil ไม่ได้ลบเครื่องมือนี้ออก และเว็บไซต์ของเขาก็ยังไม่ได้หยุดการทำงาน
แต่ถ้าหากคุณไม่ได้มีจำนวนผู้เข้าชมมากมายเหมือน Neil คุณก็ยังขอให้คนอื่นๆ ช่วยกล่าวถึงเครื่องมือของคุณได้ผ่านทางอีเมล แม้ว่าการสร้างลิงก์จะเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณมีเครื่องมือของคุณไปให้พวกเขาใช้แบบฟรีๆ รับรองเลยว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องตอบอีเมลคุณแน่นอน
อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้คนรู้จักเครื่องมือของคุณมากขึ้นคือ ให้คุณนำเครื่องมือของคุณไปแสดงไว้ใน Product Hunt ซึ่งเป็นแหล่งรวมแอปพลิเคชันและเครื่องมือต่างๆ นั่นเอง
โดย Neil เองก็ได้นำเครื่องมือของเขาไปไว้ใน Product Hunt เช่นกัน ซึ่งหลังจากที่นำเครื่องมือไปใส่ Produt Hunt แล้ว traffic ของ Neil ก็ออกมาเป็นดังกราฟนี้
ปกติแล้ว traffic จะต้องลดลงเรื่อยๆ แต่ traffic ของ Neil ยังออกมาเป็นที่น่าพอใจ
การทดลองของ Neil Patel
Neil เกิดความคิดว่า มันคงจะสนุกดีไม่น้อย ถ้าเปลี่ยนเครื่องมือธรรมดาๆ อย่าง Ubersuggest ให้กลายเป็นเครื่องมือทางการตลาดชั้นเยี่ยม Neil จึงลงมือทำการล้าง UI และเพิ่มข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น Facebook
และผลลัพธ์ของการทำแบบนั้น Neil ได้ traffic เพิ่มขึ้นเป็น 38.12%
หลังจากนั้นในอีกไม่กี่อาทิตย์ Neil ก็สร้างเครื่องมือใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ด้วยการเพิ่มคีย์เวิร์ดต่างๆ ลงไปภายใต้คอนเซ็ปต์ Answers the Public และเริ่มทำการเปรียบเทียบคำถามต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดของเขา
Neil ได้ทำการเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับการประเมิน traffic ลงใน URL ซึ่งเขาคาดหวังไว้ว่าจะเผยแพร่ภายในสิ้นปี และด้วยวิธีนี้จะทำให้เขาสามารถพิมพ์ URL ที่จะทำให้ได้ผู้เข้าชมจาก Google เพิ่มมากขึ้น
Neil ยังวางแผนที่จะเพิ่มฟีเจอร์จาก Buzzsumo เข้าไปอีกด้วย
โดยจุดประสงค์ของ Neil คือการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ลงในเครื่องมือ แล้วประกาศให้ผู้ใช้งานรับรู้โดยทั่วกันทุกครั้งที่มีการอัปเดต
Neil เชื่อว่าเขาจะได้ brand query และ traffic ที่เพิ่มขึ้นในทุกๆ ครั้งที่อัปเดต และจะเพิ่มยอดผู้เข้าชมจาก 1.8 ล้านสู่ 3 ล้านในปี 2020 ได้อย่างแน่นอน
บทสรุป
ที่จริงแล้ว การเพิ่ม traffic ให้กับเว็บไซต์ของคุณนั้นเป็นเรื่องง่ายมาก หากคุณยอมจ่ายเงินให้กับผู้พัฒนา ผู้ที่สามารถสร้างเครื่องมืออันมีประสิทธิภาพให้กับคุณได้ แม้ว่าจำนวนเงินที่ Neil จ่ายให้กับผู้พัฒนานั้นจะเป็นเงินจำนวนมากที่คุณอาจจะจ่ายไม่ไหว แต่คุณก็ยังทำตามวิธีอื่นๆ ของ Neil แทนได้
คุณอาจหาเครื่องมือที่เหมาะกับบริษัทของคุณ ด้วยการเสิร์ชคำว่า script ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทของคุณใน Google เช่น หากคุณเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ คุณก็เสิร์ชคำว่า “Mortgage Calcualtor Script” เครื่องมือต่างๆ ก็จะปรากฏให้คุณได้เลือกซื้อตามที่จ่ายไหว หรือสามารถติดตั้งเครื่องมือเหล่านั้นลงในเว็บไซต์ของคุณ เพื่อที่จะได้ใช้ฟรีในครั้งต่อไปก็ได้
อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนมากเท่ากับ Neil Patel แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจไปได้ไกล และสามารถเพิ่ม traffic ได้ดีเช่นกัน และถ้าหากเป็นไปได้ คุณควรลองสร้างเครื่องมือเอง ทำเทคนิค SEO ทำโฆษณาที่ต้องเสียเงิน หรือส่งอีเมลโปรโมชั่นไปหาคนอื่นๆ เพื่อทำให้เว็บไซต์และธุรกิจของคุณได้ผลประโยชน์และพัฒนาไปได้ไกลขึ้น ในแบบที่คุณเองก็อาจจะคาดไม่ถึง
อ้างอิงจาก https://neilpatel.com/blog/developers-generate-traffic