หากคุณต้องการที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำ SEO คุณต้องยอมรับให้ได้ว่าการรับทำ SEO ถือเป็นงานที่ต้องมีการอัพเดทอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งคุณจะต้องต้องคอยติดตามความเคลื่อนไหวของ Google และประเมินความเปลี่ยนแปลงจากของธุรกิจคุณเองและคู่แข่ง รวมถึงต้องคิดแคมเปญ และกลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อช่วยสนับสนุนให้กับงานที่เรารักอยู่เสมอ
แม้ว่าทั้งหมดที่กล่าวมาอาจจะฟังดูง่าย แต่การลงมือทำไม่ได้เป็นเรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า กลยุทธ์ SEO ที่คุณเลือกใช้จะได้ผล และช่วยให้แบรนด์ของคุณเจริญเติบโต ในบทความนี้ Blacksheep จึงพูดถึง หลักการวิเคราะห์เพื่อช่วยหากลยุทธ์ใหม่ๆ ในการจัดการ SEO เพื่อช่วยให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
1. ปรับกลยุทธ์การจัดการ SEO ของคุณ ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจ
ธุรกิจส่วนใหญ่เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ทางการตลาด จากการทำตลาดทั่วๆไป เป็นการทำตลาดเฉพาะกลุ่ม
นั่นหมายถึงจากที่ธุรกิจต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมีการกำหนดกลุ่มลูกค้า พวกเขาจะต้องกำหนดกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจนเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น และนั่นจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ถึงแม้จะมีจำนวนคู่แข่งน้อยลง หรืออาจจะสรุปง่ายๆ ได้ว่า แม้จะมีปริมาณลดลงแต่คุณภาพจะต้องสูงขึ้น
กลยุทธ์ในการทำ SEO ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามเช่นกัน รวมถึงคีย์เวิร์ดต่างๆ ของการทำ SEO และเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ ก็จะต้องถูกปรับให้สอดคล้องกับเป้าหมายกลุ่มใหม่ตามไปด้วย
2. ศึกษากลยุทธ์ทางการตลาด รวมถึงสินค้าและบริการจากผู้เชี่ยวชาญ
พยายามทำงานให้ใกล้ชิดกับผู้ที่มีหน้าที่ดูแล และจัดการผลิตภัณฑ์ เพราะนั่นจะช่วยให้คุณเกิดไอเดีย และเข้าใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพื่อการทำ SEO ที่สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์ และเพื่อเข้าใจเป้าหมาย วิสัยทัศน์ แนวถึงแนวทางการเอาชนะคู่แข่งขององค์กรได้ชัดเจน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดเป้าหมายและความสามารถทางการตลาด เพื่อช่วยให้คุณวิเคราะห์ตัวผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น
- การเจาะพื้นที่เป้าหมาย นั่นหมายถึง ทำความเข้าใจกับประเทศและภาษา รวมถึงวัฒนธรรมของกลุ่มเป้าหมาย นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากคุณจะสามารถวิเคราะห์ปริมาณการขาย โอกาสในการขายและโอกาสในการสร้างรายได้ ให้ชัดเจนขึ้น
- การกำหนดรูปแบบธุรกิจ ซึ่งในขั้นตอนที่สองนี้ คุณจะต้องทำการกำหนดรูปแบบให้กับธุรกิจ ซึ่งอาจจะเป็นในรูปแบบใดก็ได้ ตั้งแต่ อีคอมเมิร์ซ ไปจนถึงการประกันภัย เป็นต้น
- กลุ่มเป้าหมาย ต่อไปคุณจะต้องทำการเจาะลึกกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ วิเคราะห์ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร และพวกเขาต้องการอะไร
- จากนั้นค้นหาคีย์เวิร์ด หรือกลุ่มคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับเป้าหมาย
- พยายามอัพเดทและศึกษาคู่แข่ง รวมถึงอ่านบทความจากผู้เชี่ยวชาญในรูปแบบเดียวกันกับธุรกิจของคุณไว้ตลอดเวลาสิ่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถหากลยุทธ์ใหม่ๆ หรือได้รับแนวคิดใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อการวิเคราะห์ในเชิงแข่งขัน และช่วยให้คุณสามารถพัฒนาตัวเองได้ด้วย
3. มองหาคีย์เวิร์ดใหม่ๆ
หลังจากคุณได้รวบรวมข้อมูล และเข้าใจกลยุทธ์ของธุรกิจเป็นอย่างดีแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่คุณต้องค้นหา รวมถึงวิเคราะห์คีย์เวิร์ดใหม่ๆ
คุณควรเริ่มตั้งแต่ การอัพเดทคีย์เวิร์ดของคู่แข่ง และทำการวิเคราะห์ว่าคู่แข่งของคุณได้รับประโยชน์จากคีย์เวิร์ดเหล่านี้ มากน้อยแค่ไหน รวมถึงลองมองหาคีย์เวิร์คใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ของคุณด้วย
คุณสามารถเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ ในการช่วยวิเคราะห์คู่แข่ง รวมถึงตรวจสอบปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์จริง จากคีย์เวิร์ดแต่ละคำ
หลังจากที่คุณทำการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่งแล้ว สิ่งที่สำคัญคือคุณต้องทำคือ ใช้เครื่องมือช่วยค้นหาคีย์เวิร์ด เพื่อสร้างคีย์เวิร์ดใหม่ๆ เพิ่มเติม
เมื่อคุณได้คีย์เวิร์ดที่ต้องการแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะแทรกคีย์เวิร์ดเหล่านั้นลงในหน้าเว็บไซต์ และจะต้องไม่ลืมที่จะแทรกคีย์เวิร์ดใหม่ๆของคุณลงในหัวข้อที่ 1 (H1) หรือหัวข้อที่ 2 (H2) ด้วย
4. คอยติดตามคีย์เวิร์ดของคุณอยู่เสมอ
ในอดีตเคยมีข้อสันนิษฐานมากมายที่พูดถึงวิธีการจัดอันดับการทำ SEO และข้อสันนิษฐานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดคือ การจัดอันดับจากปริมาณการเข้าชม ดังนั้นคุณจะต้องทำการอัพเดทเนื้อหาของคุณอยู่เสมอ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม เราก็ยังเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง
เพราะการอัพเดทและปรับปรุงคุณภาพของเนื้อหาบนเว็บเพจอยู่เสมอ จะทำให้อันดับในหน้าผลการค้นหาดีขึ้น
แต่ในบางครั้ง คุณจำเป็นต้องเลือกลบคีย์เวิร์ดที่ไม่เป็นประโยชน์ออกไป จากสาเหตุเหล่านี้
- ไม่ช่วยส่งเสริมธุรกิจในแง่ของการขาย หรือ มีคุณภาพเท่ากับ 0%
- มีสัดส่วนการเข้าชมแค่เพียงหน้าเดียว หรือพูดง่ายๆ คือ มีผู้เข้ามาชมเว็บไซต์ของเราแค่เพียงหน้าเดียว แล้วปิดไปเลย ไม่สนใจที่จะไปเข้าชมในหน้าอื่นๆ ต่อไป
- ส่งผลให้มีเปอร์เซ็นต์การเข้าชมที่น้อยมาก
- ระบุเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของ Google คือ ช่วยให้ผู้ค้นหาได้รับคำตอบที่สมบูรณ์ และนำเสนอผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการค้นหา ดังนั้นหากคุณมีเนื้อหาบนเว็บไซต์ที่ไม่สอดคล้อง ไม่ได้รับการจัดอันดับ ไม่มีการคลิกโฆษณา มีสัดส่วนการเข้าชมน้อย นั่นอาจทำให้คุณต้องพิจารณาที่จะลองเขียนเนื้อหาใหม่ หรือลบคีย์เวิร์ดนั้นออกไป
และสุดท้าย
กลยุทธ์ของธุรกิจที่มักมีการเปลี่ยนแปลง จะส่งผลให้การทำ SEO ที่ต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย รวมถึงคุณจะต้องทำการตรวจสอบกลยุทธ์ SEO ของคุณอยู่เสมอ ว่าคีย์เวิร์ดเหล่านั้นให้ผลที่ดีกับธุรกิจของคุณหรือไม่ นั่นจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้ และสามารถคิดกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
อ้างอิงจาก : https://moz.com/blog/seo-strategy-when-business-needs-change