หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังพยายามสร้างโฆษณา Facebook แต่ไม่ว่าจะใช้เวลาในการทำแคมเปญไปเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ออกมาในแบบที่คุณหวังสักทีใช่หรือไม่?
มีผู้ใช้งาน Facebook มากกว่า 1560 ล้านคนทั่วโลก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คุณควรเลือกเสียค่าใช้จ่ายให้กับแพลตฟอร์มนี้ในการทำงาน
มี 6 ล้านธุรกิจที่ใช้ Facebook เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของพวกเขา แต่ทำไมโฆษณาของคุณจึงทำงานได้ไม่ดีดังเช่นพวกเขา?
Facebook มีการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอในการนำเสนอวีดีโอ โดยการทำให้ผู้คนมีชื่อเสียงหรืออำนาจในทางสังคมผ่านการ Live Videos ของพวกเขาเอง Facebook นั้นมุ่งเน้นไปในทางวีดีโอ และให้รางวัลกับเพจที่สร้างยอดผู้ติดตามได้สูงจากวีดีโอของพวกเขา
นั่นหมายความว่า คุณสามารถปรับปรุงอันดับการค้นหาของคุณได้จากการใช้วีดีโอบน Facebook แต่คุณก็ยังต้องพบกับการแข่งขันมากมายอยู่เช่นกัน
อยากลองทำดูไหม?
นี่คือวิธีการสร้างวีดีโอโฆษณา Facebook บนโทรศัพท์มือถืออย่างมืออาชีพ!
ทำไมต้องเน้นไปที่การใช้งาน Facebook บนโทรศัพท์มือถือ?
ก่อนจะไปสู่วิธีการสร้างวีดีโอ คุณควรทำความเข้าใจก่อนว่าทำไมวีดีโอโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือจึงดีกว่าวีดีโอโฆษณาแบบมาตรฐานสำหรับการใช้งานบน Facebook
คุณอาจจะไม่ได้ต้องการผู้เข้าชมวีดีโอโฆษณาของคุณในหลักหลายพันล้าน แต่ถ้าคุณสร้างวีดีโอที่เกี่ยวข้องและกำหนดเป้าหมายการโฆษณาได้ดี ก็จะเป็นการดึงผู้คนที่เหมาะสมเข้ามาชมมันได้ และสิ่งที่สำคัญกว่าคือ พวกเขานั้นให้ความสำคัญกับข้อความของคุณ
ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรมากมาย ธุรกิจขนาดเล็กของคุณต้องการเพียงโทรศัพท์มือถือ แอพพลิเคชั่นพื้นฐานทั่วไป ความคิดสร้างสรรค์อีกนิดหน่อย และ บัญชีการใช้งาน Facebook
ทุกวันนี้คนใช้งานโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook บนโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์พกพาต่างๆ ที่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ ลองคำนึงถึงสถิติเหล่านี้ดู
– 45% ของผู้คนใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงในการดูวีดีโอบน Facebook หรือ Youtube ทุกสัปดาห์
– มากกว่าครึ่งของ Video Content ถูกใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ
– หนึ่งในสามของการใช้งานในช่องทางออนไลน์ถูกใช้ไปกับการดูวีดีโอ
เป็นที่น่าสังเกตว่า 84% ของรายได้โฆษณาทั้งหมดของ Facebook มาจากการโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือ นั่นหมายความว่า มีกลุ่มคนจำนวนมากที่คุณสามารถเข้าถึงได้จากการใช้วีดีโอโฆษณา
การสร้างวีดีโอโฆษณา Facebook บนโทรศัพท์มือถือ
ขั้นตอนในการสร้างวีดีโอโฆษณา Facebook บทโทรศัพท์มือถือมีดังต่อไปนี้
1. การสร้างสร้างบัญชี Business Manager
คลิกที่ปุ่ม “Create Ad” แล้วคุณจะเห็นตัวเลือกสำหรับแคมเปญใหม่ของคุณ
ตอนนี้เรากำลังจะสร้างวีดีโอโฆษณา เราต้องคลิกที่ปุ่ม “Video Views”
เลือกวัตถุประสงค์ เช่น Conversions เพราะ Facebook ใช้วัตถุประสงค์ของแคมเปญโฆษณาเพื่อแสดงให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เห็น ตัวอย่างเช่น ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเป้าหมายของวีดีโอของคุณก็จะมีแนวโน้มที่จะดูวีดีโอของคุณมากกว่า เป็นต้น
เมื่อได้ชื่อแคมเปญของคุณแล้ว คลิกที่ปุ่ม “Continue”
จากตรงนี้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะสร้างชุดโฆษณาใหม่ หรือสร้างชุดโฆษณาครั้งละหลายชุด
2. เลือกกลุ่มเป้าหมาย
สามารถเลือกได้จาก อายุ เพศ สถานที่ และอื่นๆ ซึ่งคุณสามารถใช้ชุดข้อมูลที่เคยมีอยู่แล้ว หรือบันทึกข้อมูลที่สร้างขึ้นมาใหม่เพื่อใช้งานต่อไปในอนาคตได้
3. เลือกตำแหน่งในการโปรโมท
เมื่อกำหนดเป้าหมายของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณจะมีตัวเลือกตำแหน่งในการโปรโมทโฆษณา 2 แบบ
– ตำแหน่งแบบอัตโนมัติ
Facebook จะทำการโฆษณาในสถานที่และแพลตฟอร์มที่มีแนวโน้มว่าจะทำงานได้ดีที่สุดให้ เช่น Facebook, Instagram หรือเครือข่ายอื่นๆ ซึ่งทางเราแนะนำตัวเลือกนี้
– ตำแหน่งแบบกำหนดเอง
คุณจะสามารถเลือกสถานที่ที่คุณต้องการโปรโมทโฆษณาของคุณเองได้ แต่หากเลือกตัวเลือกนี้ก็อาจมีความเสี่ยงในการได้ยอดผู้เข้าชมที่ลดลง
จากตรงนั้น คุณสามารถกำหนดงบประมาณของคุณได้ว่าจะใช้เป็นรายวันหรือตลอดชีพ และกำหนดตารางเวลาได้ว่าจะตั้งค่าให้เป็นต่อเนื่องจนกว่าจะสิ้นสุดเวลาการโฆษณา หรือจะกำหนดแค่เป็นช่วงเวลาก็ได้
เมื่อตั้งค่าคุณโฆษณาของคุณเสร็จแล้ว คลิกที่ปุ่ม “Continue” เพื่อไปยังส่วนของการจัดรูปแบบโฆษณาของคุณ
ตอนนี้คุณสามารถสร้างโฆษณาใหม่ของคุณได้แล้ว หรือจะใช้โพสต์เดิมที่เคยสร้างไว้แล้วก็ได้ เพียงแค่เชื่อมต่อมันผ่านหน้า Facebook หรือ Instagram ตามที่คุณเลือก
4. เลือกรูปแบบวีดีโอโฆษณา
เลือกรูปแบบวีดีโอโฆษณาที่คุณต้องการ
– Carousel คือ โฆษณาที่มีวีดีโอสองรายการขึ้นไปและสามารถเลื่อนรายการได้
– Single Video คือ วีดีโอเดี่ยว
– Slideshow คือ วีดีโอแบบเล่นวนซ้ำ สามารถใช้ได้ถึง 10 รูปภาพ
– Instant Experience for Mobile คือ การใช้ทั้งหน้าจอของโทรศัพท์มือถือในการเล่นโฆษณา
5. การเพิ่มวีดีโอ
อัปโหลดวีดีโอ หรือเลือกวีดีโอที่ต้องการ และเพิ่มข้อความสำหรับโฆษณาของคุณ
หากคุณมีวีดีโอจากแหล่งที่มาอื่นๆ คุณอาจเชื่อมโยงไปที่นั่นเลยก็ได้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจเคยเห็นวีดีโอมากมายบน Facebook ที่ถูกแชร์มาจาก Youtube หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งบางครั้งอาจมาจากเจ้าของธุรกิจเดียวกัน
เราขอแนะนำให้คุณอัปโหลดวีดีโอของคุณไปยัง Facebook โดยตรงก่อนในขั้นนี้
เพราะ Facebook สนับสนุนวีดีโอที่อัปโหลดโดยตรงไปยังแพลตฟอร์มของพวกเขามากกว่า
จากการศึกษาพบว่า วีดีโอที่ทำขึ้นเองจะได้รับการมีส่วนร่วมมากขึ้นสิบเท่าเมื่ออัปโหลดผ่าน Facebook โดยตรง แทนที่จะเชื่อมโยงมาจาก Youtube
อาจเป็นเพราะเหตุผลสองประการ
อัลกอริทึมของ Facebook สนับสนุนวีดีโอที่ทำขึ้นเอง เห็นได้ชัดว่า Facebook นั้นฉลาดพอที่จะหลีกเลี่ยงการเปิดรับเว็บไซต์ของคู่แข่ง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการ Content ที่อัปโหลดผ่านเว็บไซต์ของพวกเขาเองโดยตรง
ในบางกรณี ผู้เข้าชมจะต้องคลิกที่ลิงก์ก่อนจึงจะสามารถชมวีดีโอได้ ซึ่งขั้นตอนนี้ไม่ดีเท่าการเริ่มเล่นวีดีโอแบบอัตโนมัติบน Facebook โดยตรง เช่นเดียวกับการตลาดส่วนใหญ่ การคลิกนี้จะลดการเข้าถึง Content ของคุณลงอย่างมาก
หลังจากคุณจ่ายค่าโฆษณาให้กับ Facebook แล้ว คุณอาจได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติมจากบริการพิเศษในการให้พื้นที่เก็บข้อมูลของคุณ และปริมาณการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
6. การตรวจและแก้ไข
เมื่อเสร็จสิ้นตามขั้นตอนแล้ว คุณจะเห็นตัวอย่างโฆษณาปรากฎขึ้น
ที่มุมบนด้านซ้าย กดที่ “Desktop News Feed” และคลิกที่ “Mobile News Feed” เพื่อดูว่าโฆษณาของคุณเป็นอย่างไรบน Facebook สำหรับโทรศัพท์มือถือ
และคุณสามารถเลื่อนลงมาด้านล่าง คลิกที่ “Instagram Feed” เพื่อดูว่าเป็นอย่างไรบน Instagram ได้ด้วย
หากคุณยังไม่พอใจกับรูปลักษณ์ของโฆษณานั้น คุณสามารถย้อนกลับไปและจัดรูปแบบโฆษณาใหม่ตามที่คุณต้องการได้ เมื่อคุณพอใจแล้ว คลิกที่ “Review” เพื่อดูว่ามีอะไรที่คุณต้องการแก้ไขอีกหรือไม่ โดยจะมีการแจ้งเตือนขึ้นหากมีส่วนที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติม
เมื่อคุณแก้ไขทุกอย่างหมดแล้ว คลิกที่ “Confirm” ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
6 เคล็ดลับในการสร้างวีดีโอโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือเพื่อ ROAS ที่มากยิ่งขึ้น
RAOS หรือ Return On Advertising Spend คือ ผลตอบแทนจากการโฆษณา
เมื่อคุณทราบถึงวิธีการสร้างโฆษณาแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะเจาะลึกลงไปถึงสิ่งที่จะทำให้วีดีโอโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือของคุณดูเป็นมืออาชีพ และกระตุ้นให้ผู้ใช้ Facebook มีส่วนร่วมด้วยได้
นี่คือเคล็ดลับ 6 ข้อ ที่คุณสามารถใช้ได้เมื่อต้องการสร้างวีดีโอโฆษณา Facebook บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อ ROAS ที่ดีขึ้น
1. จัดรูปแบบวีดีโอของคุณให้เป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือแนวตั้ง
ลองนึกถึงเวลาที่คุณดูวีดีโอบนโทรศัพท์มือถือ คุณดูวีดีโอแบบเต็มหน้าจอ หรือเอียงไปในแนวนอนเพื่อให้วีดีโอแสดงตามความยาวของหน้าจอโทรศัพท์มือถือหรือไม่?
หากคำตอบของคุณคือ “ไม่ใช่”
ข้อมูลเชิงลึกนี้สามารถใช้ในการปรับปรุงวีดีโอโฆษณา Facebook บนโทรศัพท์มือถือของคุณอย่างมีนัยสำคัญได้ เนื่องจากการวิจัยพบว่า ผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือน้อยกว่า 30% จะเอียงโทรศัพท์มือถือเพื่อดูโฆษณา และมีเพียง 14% ที่จะเอียงโทรศัพท์มือถือเพื่อดูวีดีโอ
วีดีโอที่เป็นแนวตั้งหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส จะทำให้ผู้เข้าชมมองเห็นได้ดีขึ้น จึงเป็นที่สังเกตได้ง่าย
นี่คือตัวอย่างจากหน้าการช่วยเหลือของ Facebook
อ้างอิงจาก https://www.facebook.com/facebookbusiness/videos/10155199560861337/
จากวีดีโอด้านบนจะแสดงให้คุณเห็นว่า วีดีโอแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือแบบแนวตั้งจะแสดงผลอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับวีดีโอแบบแนวนอน หลังจากการทดสอบพบว่า 70% ของวีดีโอโฆษณาแนวตั้งจะช่วยเพิ่มอัตราการทำ Brand Lift (การโฆษณาในรูปแบบของแบบสอบถาม 3 ข้อ) และเพิ่มอัตราการเรียกชมโฆษณานั้นซ้ำได้ถึง 3% – 9% เลยทีเดียว
หากคุณต้องการเผยแพร่ธุรกิจของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คุณควรเริ่มต้นที่รูปแบบวีดีโอที่มีแนวโน้มว่าจะทำได้ดีที่สุด นั่นคือวีดีโอแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือแนวตั้งนั่นเอง
2. เพิ่มคำบรรยายลงบนวีดีโอของคุณ
คุณจะสังเกตได้ว่าวีดีโอส่วนใหญ่เริ่มเล่นโดยไม่มีเสียงใดๆ เมื่อคุณเลื่อนดูบน Facebook ของคุณ
เมื่อผู้คนใช้โทรศัพท์มือถือในที่ทำงานหรือที่สาธารณะ พวกเขาจะไม่ต้องการเป็นจุดสนใจจากการใช้เสียงดัง ซึ่ง Facebook เข้าใจถึงจุดนี้ดี และเริ่มเล่นวีดีโอแบบไม่มีเสียงโดยอัตโนมัติ เว้นแต่ว่าผู้ใช้งานจะคลิกเข้าไปด้วยตัวเอง
ในความเป็นจริง 85% ของวีดีโอ Facebook จะถูกรับชมโดยไม่มีเสียง
แต่ 79% ของวีดีโอโฆษณานั้นต้องใช้เสียงในการทำความเข้าใจ
การสื่อด้วยหลายวิธีเป็นการสร้างโอกาสที่ดีที่จะทำให้วีดีโอโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือของคุณมีความโดดเด่น แน่นอนว่าผู้ใช้งานบางรายต้องการชมวีดีโอของคุณอย่างมีคุณภาพ พวกเขาจึงจะเปิดเสียง แต่ในทางกลับกันคุณก็อาจจะสูญเสียผู้เข้าชมจำนวนมากไปหากต้องใช้เสียงในการทำความเข้าใจ รวมถึงผู้เข้าชมของคุณหลายคนอาจหูหนวก ได้ยินอะไรไม่ถนัด หรืออาจใช้ภาษาอื่นๆ
การแก้ไขปัญหาที่ง่ายที่สุดคือการเพิ่มข้อความอธิบายลงไปในวีดีโอโฆษณาของคุณโดยใช้เครื่องมือ เช่น Google Drive หรือ Rev
ทุกขั้นตอนที่มักถูกมองข้ามในกระบวนการสร้างโฆษณาของคุณอาจสร้างความแตกต่างได้
3. ดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชมอย่างรวดเร็วด้วยวีดีโอสั้นๆ
เคยได้ยินวลีที่ว่า “นี่คือการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งแข่ง” หรือไม่? แนวคิดเดียวกันนี้ใช้กับวีดีโอโฆษณาของคุณบน Facebook เพราะระดับการมีส่วนร่วมจะลดลง เมื่อความยาวของวีดีโอเพิ่มขึ้น
วีดีโอโฆษณาบน Facebook ของคุณจะรบกวนการค้นหาของผู้เข้าชมในการอัพเดตเกี่ยวกับเพื่อนหรือครอบครัวของพวกเขา ผู้คนไม่ได้ใช้ Facebook เพื่อดูวีดีโอโดยเจตนา หากพวกเขาต้องการดูวีดีโอ พวกเขาจะไปยัง Youtube มากกว่า
จากข้อมูล แสดงให้เห็นว่าความยาวที่เหมาะสมที่สุดของโฆษณาบน Facebook หรือโฆษณาที่ได้รับการมีส่วนร่วมมากที่สุด คือ 3-4 นาที
และ Facebook แนะนำให้สร้างวีดีโอที่สั้นกว่านั้น คือ ไม่เกิน 15 วินาที เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
คุณควรใช้ข้อความที่ชัดเจน และนำผู้เข้าชมไปยังแพลตฟอร์มที่พวกเขาสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้
แต่ถ้าคุณไม่สามารถส่งข้อความทางการตลาดของคุณออกไปได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีล่ะ?
ลองทดสอบด้วยวีดีโอที่มีความยาวแตกต่างกันเพื่อดูว่าแบบไหนให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด คุณอาจแปลกใจกับผลการเปรียบเทียบระหว่างวีดีโอสั้นๆ กับวีดีโอที่ยาวกว่า คุณสามารถใช้ A/B testing ของ Facebook ในการวัดผลนั้นได้
ไม่สำคัญว่าวีดีโอของคุณจะมีความยาวขนาดไหน สิ่งสำคัญคือการทำให้ผู้เข้าชมรับชมมันต่อไปต่างหาก
เมื่อพวกเขารับชมวีดีโอจนจบแล้ว คุณควรแน่ใจว่าคุณมีการกระตุ้นการตัดสินใจที่บอกให้ผู้เข้าชมทราบว่าพวกเขาควรทำอะไรต่อไปบ้าง ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องการให้พวกเขาเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ หรือกดโทรศัพท์ในมือของพวกเขามาหาคุณ หรือเพียงแค่ไปยังหน้า Facebook ที่เกี่ยวข้อง
ไม่ว่าคุณจะต้องการให้ผู้เข้าชมทำอะไรต่อไปก็ตาม พยายามทำให้วีดีโอของคุณสั้นพอ แต่ต้องยังสามารถกระตุ้นการตัดสินใจของพวกเขาได้ด้วย
4. ไม่ใช่เรื่องยากในการสร้างวีดีโอที่เน้นคุณค่า
การตลาดที่ดี คือการทำให้ไม่รู้สึกถึงการตลาด
ลองดูการตลาดที่ประสบความสำเร็จแล้วบางส่วนในปีที่ผ่านมา คือ Burger King ที่อธิบายเรื่องเกี่ยวกับ Whopper ของพวกเขา ซึ่งนั่นทำออกมาได้ดีมาก เพราะผู้เข้าชมนั้นไม่รู้สึกว่าถูกขายโดยแบรนด์เลย
อ้างอิงจาก https://youtu.be/erSgUag9F_4
ในความเป็นจริงนักการตลาดได้เรียนรู้ว่า ผู้เข้าชมของพวกเขามีแนวโน้มที่จะเพิกเฉยต่อโฆษณาที่พยายามขายสินค้าอย่างเปิดเผย หากคุณต้องการป้องกันไม่ให้ผู้เข้าชมนั้นเลื่อนผ่านโฆษณาของคุณไป คุณต้องสร้าง Content ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ โดยเสนอผ่านความบันเทิงหรือข้อมูลที่น่าสนใจ ไม่ใช่เป็นเพียงการขายอย่างโจ่งแจ้ง
ข้อควรจำ: ไม่ว่าคุณจะกำหนดเป้าหมายของวีดีโอโฆษณามาเป็นอย่างดีแค่ไหน แต่ผู้เข้าชมส่วนใหญ่ไม่ได้สมัครใช้งาน Facebook มาเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ คุณจึงต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการดึงดูดความสนใจของพวกเขา
ลองนำขั้นตอนเหล่านั้นไปใช้ และบอกว่าเป้าหมายของคุณคือการดึงดูดผู้เข้าชมมายังร้านขายเครื่องครัวของคุณ ไม่ใช่เพียงการขายเครื่องปั่นเท่านั้น คุณอาจเริ่มต้นด้วยการทดลองใช้เครื่องปั่นของคุณในการปั่นเครื่องดื่มต่างๆ ให้พวกเขาได้รับชมก่อนก็ได้
เมื่อคุณมุ่งเน้นที่จะมอบสิ่งที่มีคุณค่า เช่น ความบันเทิง การศึกษา หรือแรงบันดาลใจ ให้กับผู้เข้าชมของคุณ นั่นจะทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะดูวีดีโอของคุณทั้งหมด ซึ่งเป็นการเพิ่มอัตราการเข้าชม และเพิ่ม ROAS ได้ด้วย
5. การกำหนดเป้าหมายตามผู้เข้าชม
คุณควรมีการกำหนดผู้เข้าชมในอุดมคติของคุณ เช่น อายุ เพศ สถานที่ ตำแหน่ง ประเภทงาน หรือความสนใจ ก่อนที่จะลงทุนค่าใช้จ่ายใดๆ ในการโฆษณาบน Facebook
เมื่อคุณสร้างโฆษณาบน Facebook คุณจะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายเพื่อเข้าถึงผู้คนที่ตรงกับเกณฑ์นั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเปิดร้านขายหนังสือที่ Chicago คุณอาจต้องการเข้าถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนของคุณ เพียงกำหนดเป้าหมายผู้เข้าชม เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีความสนใจในหนังสือ และอาศัยอยู่ในรัศมี 5 ไมล์รอบๆ ร้านค้าของคุณ
นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ของคุณในการกำหนดเป้าหมายแบบอื่นๆ นอกเหนือจากสถานที่ก็ได้
ตัวอยางที่ดีคือโฆษณาของ Walt Disney World
โฆษณานี้ไม่ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวกับ Star Wars ที่ Walt Disney World โดยตรง แต่มันอาจดึงดูดผู้คนกลุ่มนั้นได้ มันมีผลกับใครก็ตามที่มีความสนใจในอาหาร หรือสนใจในภาพยนตร์ Star Wars
ด้วยการใช้กลยุทธ์ที่สร้างสรรค์นี้ บริษัทจะขยายการเข้าถึงของพวกเขา แต่ก็ยังสามารถดึงดูดผู้คนที่มีความสนใจในข้อความทางการตลาดของพวกเขาได้ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายทางอ้อมนี้อาจจะมีประโยชน์มากกว่าสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ มากกว่าบริษัทระดับโลก เช่น Disney
อย่างไรก็ตาม มันได้ผลสำหรับพวกเขาแล้ว และมันอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าสำหรับคุณ!
6. ใช้ A/B Test เพื่อค้นหาแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับบริษัทของคุณ
มีนักการตลาดจำนวนน้อยมากที่คาดหวังว่าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีมากจากการสร้างโฆษณาบน Facebook ในครั้งแรก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมจึงมีเงินนับพันล้านดอลลาร์ถูกใช้ไปบนแพลตฟอร์มการโฆษณา Facebook อยู่ทุกปี แม้ว่าจะสามารถทำผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมได้แล้ว แต่เราก็สามารถทำให้มันดีขึ้นอีกได้เสมอ
ในความเป็นจริงแล้ว คุณจะสามารถทำได้ดีขึ้นในระยะยาวหากคุณทำการทดสอบกลยุทธ์วีดีโอโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือในแบบต่างๆ จนกว่าจะเจอกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ซึ่ง A/B Testing ของ Facebook สามารถทำได้ คุณควรใช้มันทดสอบในเรื่องต่อไปนี้
– วีดีโอที่มีความยาวต่างกัน
– คำในข้อความโฆษณา และคำอธิบายภาพ
– การกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย
ติดตามผลว่าโฆษณาของคุณแต่ละรายการสามารถดึงดูดผู้เข้าชมได้อย่างไร และสามารถดึงดูดลูกค้าเข้าสู่ธุรกิจของคุณได้อย่างไร ซึ่งคุณสามารถทำได้ผ่าน Facebook Audience Insights
เมื่อคุณทำการตรวจสอบประสิทธิภาพ นั่นคือคุณกำลังสร้าง “แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด” ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าใช้งานได้ดีกับแบรนด์ สินค้า หรืออุตสาหกรรมของคุณ และสามารถปรับแต่งได้จนกว่าจะเจอจุดที่คุณพึงพอใจ ซึ่งนั่นจะเป็นการพัฒนาตัวเองไปสู่การเป็นมืออาชีพของคุณ!
คุณพร้อมที่จะสร้างวีดีโอโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือของคุณแล้วหรือยัง?
ในตอนนี้คุณควรพร้อมสำหรับการรับผลประโยชน์ต่างๆ จากวีดีโอโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือของคุณแล้ว โดยเฉพาะหากคุณใช้งานแพลตฟอร์ม Facebook อยู่แล้ว
อย่าลืมอัปโหลดวีดีโอของคุณไปยัง Facebook โดยตรง ในช่วงการสร้างโฆษณา Facebook พยายามดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมให้ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที และทำการทดสอบเพื่อพิจารณาว่าการปรับแต่งในแบบใดที่สามารถมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณได้ แล้วในไม่ช้าคุณก็จะได้รับความสุขจาก ROAS ของคุณ
อ้างอิงจาก https://www.singlegrain.com/video-marketing/how-to-produce-paid-facebook-video-ads-for-mobile-like-a-pro/